ที่ออล อิงแลนด์ คลับ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 14 ก.ค. ในประเภทชายเดี่ยวรอบชิงชนะเลิศ เป็นดรีมแมตช์ระหว่าง "แชมป์เก่า" โนวัค ยอโควิช มือ 1 โลกและมือ 1 ของรายการจากเซอร์เบีย ดีกรีแชมป์วิมเบิลดัน 4 สมัย (2011, 2014, 2015, 2018) ดวลแร็กเก็ตกับ "เฟด-เอ็กซ์" โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ มือ 3 โลกจากสวิตเซอร์แลนด์ ดีกรีแชมป์วิมเบิลดัน 8 สมัยมากสุดตลอดกาล (2003, 2004, 2005, 2006, 2007, 2009, 2012, 2017) ผลการแข่งขันปรากฏว่า ยอโควิช เฉือนเอาชนะ เฟเดอเรอร์ ไปได้อย่างหวุดหวิดที่สุด 3-2 เซต 7-6 (7-5), 1-6, 7-6 (7-4), 4-6, 13-12 (7-3) ตามกติกาใหม่ หากเสมอกันในเซตตัดสิน 12-12 จะใช้ไทเบรกหาผู้ชนะ ใช้เวลาแข่งขันทั้งหมด 4 ชั่วโมง 55 นาที ถือเป็นรอบชิงชนะเลิศที่ตัดสินด้วยไทเบรกเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์วิมเบิลดัน
ชัยชนะครั้งนี้ทำให้ โนวัค คว้าแชมป์วิมเบิลดันสมัยที่ 5 ไปครอง และเป็นแชมป์ 2 สมัยติดต่อกัน พร้อมเพิ่มสถิติคว้าแชมป์แกรนด์สแลมไปทั้งหมด 16 รายการ ขยับเข้าใกล้ เฟเดอเรอร์ ที่ได้แกรนด์สแลมมากสุด 20 รายการ และราฟาเอล นาดาล จากสเปน 18 รายการ
พร้อมกันนี้ ยอโควิช ยังทำสถิติเป็นนักเทนนิสคนแรกในรอบ 71 ปีที่โดนแมตช์พอยต์ในวิมเบิลดันรอบชิงดำ แต่เอาตัวรอดจนพลิกสถานการณ์กลับมาเอาชนะคว้าแชมป์ไปครองได้ ต่อจาก โรเบิร์ต ฟัลเคนเบิร์ก จากสหรัฐ ที่เอาตัวรอดจาก 3 แมตช์พอยต์ ก่อนกลับมาชนะ จอห์น บรอมวิช จากออสเตรเลีย 3-2 เซต 7–5, 0–6, 6–2, 3–6, 7–5 คว้าแชมป์ไปครองในวิมเบิลดันรอบชิงชนะเลิศปี 1948
เพิ่มเติม >> https://chuyennhavanphong.info/%e0%b9%81%e0%b8%97%e0%b8%87%e0%b8%9a%e0%b8%ad%e0%b8%a5%e0%b8%88%e0%b8%99%e0%b8%a3%e0%b8%a7%e0%b8%a2/
No comments:
Post a Comment